... เพื่อนสนิท
... ก็ คือ
เพื่อนธรรมดาๆคนนึง ที่ดันสนิทกัน มากกว่าเพื่อนธรรมดาๆทั่วๆไป
... ซึ่ง มันก็ต้องมีอะไรหลายๆอย่าง
ที่คล้ายๆกับเรามากกว่าเพื่อนคนอื่น
... ถึง จะมาสนิทกันได้
... บาง ที อาจ ไม่ใช่นิสัย
... บาง ที อาจ ไม่ใช่หน้าตา
... บาง ที อาจ ไม่ใช่ฐานะ
... บาง ที อาจ ไม่ใช่ระดับความรู้
... แต่ มันอาจจะมีอะไรบางอย่าง ที่ต้องเป็น มั น ค น นี้ เ ท่ า นั้ น ที่ มี
. .
... บาง ครั้ง
... เรา ก็ไม่ไป ที่ ที่เราอยากไป
.. เพียง เพราะว่า มัน ไม่ไปด้วย
... บาง ครั้ง
... นั่ง เงียบอยู่ได้ตั้งนาน แต่ แค่เห็นหน้ามัน
... น้ำตา ที่กลั้นไว้แทบตาย กลับ ทะลักออกมาได้จนหมด
... บาง ครั้ง
... ถ้า มีเสียงหัวเราะของมันด้วย
... เรา จะหัวเราะได้ดังกว่านี้
... บาง ครั้ง
... ร้อย คำปลอบใจของใครก็ไม่รู้
... ยัง อุ่นใจไม่เท่ามือมันที่แค่ตบเบาๆที่หัวไหล่
บอกเป็นนัยๆว่า
กรูอยู่ตรงนี้
...
...
ชอบคำๆนึงที่บอกว่า
. . . . . เ ร า ไ ม่ ไ ด้ เ ป็ น แ ค่ เ พื่ อ น . .
. . . แ ต่ เ ร า เ ป็ น ตั้ ง เ พื่ อ น ต่ า ง ห า ก . .
... เพราะ เพื่อนมีความสำคัญมากๆ
... มาก จนบางคนแยกไม่ออก เอา ไปเปรียบเทียบกะแฟน
ว่าอะไรสำคัญกว่ากัน
.. ทั้งๆ ที่มันคนละเรื่องกันเลย
... แต่ เมื่อเวลาที่เราอยู่ในห้วงของความรัก
... เพื่อน ... จะ กลายเป็นส่วนเกินของโลกส่วนตัวเราทันที
... ไอ่ เพื่อนสนิทผม มัน คงจะชินแล้ว
... ที่ เวลาผมมีรักทีไร ผม ก็จะห่างๆมันไปทุกที
... เวลา ที่จะกลับมานึกถึงมันได้อีกที
... ก็ ตอนอกหักนู่นแหละ
... ก็ เคยคิดเหมือนกันนะ
... ถ้า เราเป็นมัน จะ รู้สึกยังไง
... คง จะประมาณว่า
... ' แม่ง ... พอ มีแฟนก็ลืมเพื่อน '
... นี่ กะกรูไม่เคยช่วยห่ าไรเลย ที กะแฟนแมร่งแทบถวายหัว '
... ' ต้อง เลิกกะแฟนก่อนถึงจะจำเบอร์โทรกรูได้ใช่ไหม สราดดด '
... คิดๆ ดูแล้วมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ
... เพราะ เวลาที่กำลังมีความสุขในห้วงของความรัก
... ก็ แทบไม่ได้จะไปเที่ยวไหนกับมันเลย
... นานๆ ถึงจะได้คุยกันที
... แต่ พอผิดหวัง พอ เจ็บตัวขึ้นมา
... นาที นั้นอยากกดโทรศัพท์ไปหามันก่อน
... อยาก ให้มันรับโทรศัพท์ก่อน
... ซึ่ง บางทีมันนอนไปแล้วผมก็จะไล่มันกลับไปนอน
... ไม่ ต้องตื่นขึ้นมาฟังเรื่องราวใดๆทั้งนั้น
... ไม่ รู้ทำไมเหมือนกัน แค่มันรับโทรศัพท์ ก็พอแล้ว
... แบบ นี้ละมั้งที่เค้าว่า
... ' เพื่อน
คือคนที่สามารถนั่งอยู่ด้วยกันโดยไม่พูดอะไร สักคำ '
... ' แต่ ลุกจากกันไปได้เหมือนคุยกันไปนับล้านคำ '
... ' เพื่อน '
... ' คือ คนที่เมื่อเราสุข เรา ไม่เห็นมันอยู่ในสายตา '
. . . ' แ ต่ เ ป็ น ค น ไ ม่ มี วั น ป ล่ อ ย ใ ห้ เ ร า ล้ ม ลง
ไ ม่ ว่ า เ ร า จ ะ ไ ป
เ จ็ บ ม าจ า ก ไ ห น . . .
... ก็ คือ
เพื่อนธรรมดาๆคนนึง ที่ดันสนิทกัน มากกว่าเพื่อนธรรมดาๆทั่วๆไป
... ซึ่ง มันก็ต้องมีอะไรหลายๆอย่าง
ที่คล้ายๆกับเรามากกว่าเพื่อนคนอื่น
... ถึง จะมาสนิทกันได้
... บาง ที อาจ ไม่ใช่นิสัย
... บาง ที อาจ ไม่ใช่หน้าตา
... บาง ที อาจ ไม่ใช่ฐานะ
... บาง ที อาจ ไม่ใช่ระดับความรู้
... แต่ มันอาจจะมีอะไรบางอย่าง ที่ต้องเป็น มั น ค น นี้ เ ท่ า นั้ น ที่ มี
. .
... บาง ครั้ง
... เรา ก็ไม่ไป ที่ ที่เราอยากไป
.. เพียง เพราะว่า มัน ไม่ไปด้วย
... บาง ครั้ง
... นั่ง เงียบอยู่ได้ตั้งนาน แต่ แค่เห็นหน้ามัน
... น้ำตา ที่กลั้นไว้แทบตาย กลับ ทะลักออกมาได้จนหมด
... บาง ครั้ง
... ถ้า มีเสียงหัวเราะของมันด้วย
... เรา จะหัวเราะได้ดังกว่านี้
... บาง ครั้ง
... ร้อย คำปลอบใจของใครก็ไม่รู้
... ยัง อุ่นใจไม่เท่ามือมันที่แค่ตบเบาๆที่หัวไหล่
บอกเป็นนัยๆว่า
กรูอยู่ตรงนี้
...
...
ชอบคำๆนึงที่บอกว่า
. . . . . เ ร า ไ ม่ ไ ด้ เ ป็ น แ ค่ เ พื่ อ น . .
. . . แ ต่ เ ร า เ ป็ น ตั้ ง เ พื่ อ น ต่ า ง ห า ก . .
... เพราะ เพื่อนมีความสำคัญมากๆ
... มาก จนบางคนแยกไม่ออก เอา ไปเปรียบเทียบกะแฟน
ว่าอะไรสำคัญกว่ากัน
.. ทั้งๆ ที่มันคนละเรื่องกันเลย
... แต่ เมื่อเวลาที่เราอยู่ในห้วงของความรัก
... เพื่อน ... จะ กลายเป็นส่วนเกินของโลกส่วนตัวเราทันที
... ไอ่ เพื่อนสนิทผม มัน คงจะชินแล้ว
... ที่ เวลาผมมีรักทีไร ผม ก็จะห่างๆมันไปทุกที
... เวลา ที่จะกลับมานึกถึงมันได้อีกที
... ก็ ตอนอกหักนู่นแหละ
... ก็ เคยคิดเหมือนกันนะ
... ถ้า เราเป็นมัน จะ รู้สึกยังไง
... คง จะประมาณว่า
... ' แม่ง ... พอ มีแฟนก็ลืมเพื่อน '
... นี่ กะกรูไม่เคยช่วยห่ าไรเลย ที กะแฟนแมร่งแทบถวายหัว '
... ' ต้อง เลิกกะแฟนก่อนถึงจะจำเบอร์โทรกรูได้ใช่ไหม สราดดด '
... คิดๆ ดูแล้วมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ
... เพราะ เวลาที่กำลังมีความสุขในห้วงของความรัก
... ก็ แทบไม่ได้จะไปเที่ยวไหนกับมันเลย
... นานๆ ถึงจะได้คุยกันที
... แต่ พอผิดหวัง พอ เจ็บตัวขึ้นมา
... นาที นั้นอยากกดโทรศัพท์ไปหามันก่อน
... อยาก ให้มันรับโทรศัพท์ก่อน
... ซึ่ง บางทีมันนอนไปแล้วผมก็จะไล่มันกลับไปนอน
... ไม่ ต้องตื่นขึ้นมาฟังเรื่องราวใดๆทั้งนั้น
... ไม่ รู้ทำไมเหมือนกัน แค่มันรับโทรศัพท์ ก็พอแล้ว
... แบบ นี้ละมั้งที่เค้าว่า
... ' เพื่อน
คือคนที่สามารถนั่งอยู่ด้วยกันโดยไม่พูดอะไร สักคำ '
... ' แต่ ลุกจากกันไปได้เหมือนคุยกันไปนับล้านคำ '
... ' เพื่อน '
... ' คือ คนที่เมื่อเราสุข เรา ไม่เห็นมันอยู่ในสายตา '
. . . ' แ ต่ เ ป็ น ค น ไ ม่ มี วั น ป ล่ อ ย ใ ห้ เ ร า ล้ ม ลง
ไ ม่ ว่ า เ ร า จ ะ ไ ป
เ จ็ บ ม าจ า ก ไ ห น . . .
4 เคล็ดลับกับสาวผมแห้ง
ปราการความสวยด่านแรกที่สามารถมองเห็นได้จากภายนอกร่างกายนั้นเริ่มตั้งแต่รูปร่าง หน้าตา ผิวพรรณ แต่มีส่วนที่มองเห็นได้ชัดเจนเท่าเทียมกับบริเวณอื่นๆคือ "เส้นผม" ที่ผู้หญิงสมัยใหม่มักจะมองข้ามความสำคัญตรงนี้ไป และหันไปใส่ใจกับสุขภาพผิวพรรณมากกว่าด้วยซ้ำ
"เส้นผม" ถือเป็นอวัยวะภายนอกร่างกายอีกส่วนหนึ่งที่สามรถบ่งบอกได้ถึงบุคลิกภาพและอุปนิสัยใจคอของผู้เป็นเจ้าของเรือนผม หากคุณเป็นสาวผมยาว มัน เงาและดำขลับ มีน้ำหนัก แสดงว่าคุณพิถีพิถันกับการดูแลเส้นผมสม่ำเสมอ ในขณะที่ถ้าคุณเป็นสาวผมสั้นตามแฟชั่น เปลี่ยนสีผมบ่อยๆก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร แต่มันจะเป็นการทำร้ายเส้นผมอย่างไม่รู้ตัวนะค่ะ เพราะเส้นผมที่ถูกการย้อม ดัด กัด โกรก เป่า อบ ยืด นั่นหมายถึงเส้นผมของเราจะมีโอกาศผมแห้ง แตกปลาย ขาดน้ำหนัก หรือลุกลามถึงขั้นเสียได้ง่ายๆทีเดียว
โดยเฉพาะสาวที่มีสุขภาพผมแห้งและแตกปลายต้องรีบบำรุงอย่างเร่งด่วน ไม่อย่างนั้นคุณจะกลายเป็นสาวที่มองด้านซ้ายก็เจอผมแห้ง มองด้านขวามก็เจอผมแตกปลาย และจะสูญเสียความมั่นใจไปในที่สุด อย่าปล่อยให้เป็นเรื้อรังขนาดนั้นเพราะมาทางแก้เราไปสืบหามาเรียบร้อยแล้วค่ะ มาเริ่มต้นบำรุงเส้นผมไปพร้อมๆกันนะค่ะ
สูตรที่ 1
ให้นำกล้วยน้ำว้า 1 ลูก ควรเลือกลูกที่ไม่สุกมากนักมาปั่นผสมกับน้ำมัน อัลมอลด์ 1 ช้อนชา จากนั้นใช้น้ำอุ่นราดลงบนเรือนผมให้เปียกหมาดๆ แล้วนำส่วนผสมที่ได้มาชโลมทั่งทั้งศีรษะและหมักทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที จึงล้างออกด้วนน้ำสะอาด ขอแนะนำให้ทำเป็นประจำนะคะ เพราะนอกจากเส้นผมจะกลับมาพลิ้วสลวยเหมือนเดิมแล้วยังช่วยให้เส้นผมดูมีน้ำหนักขึ้นด้วยค่ะ
ปราการความสวยด่านแรกที่สามารถมองเห็นได้จากภายนอกร่างกายนั้นเริ่มตั้งแต่รูปร่าง หน้าตา ผิวพรรณ แต่มีส่วนที่มองเห็นได้ชัดเจนเท่าเทียมกับบริเวณอื่นๆคือ "เส้นผม" ที่ผู้หญิงสมัยใหม่มักจะมองข้ามความสำคัญตรงนี้ไป และหันไปใส่ใจกับสุขภาพผิวพรรณมากกว่าด้วยซ้ำ
"เส้นผม" ถือเป็นอวัยวะภายนอกร่างกายอีกส่วนหนึ่งที่สามรถบ่งบอกได้ถึงบุคลิกภาพและอุปนิสัยใจคอของผู้เป็นเจ้าของเรือนผม หากคุณเป็นสาวผมยาว มัน เงาและดำขลับ มีน้ำหนัก แสดงว่าคุณพิถีพิถันกับการดูแลเส้นผมสม่ำเสมอ ในขณะที่ถ้าคุณเป็นสาวผมสั้นตามแฟชั่น เปลี่ยนสีผมบ่อยๆก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร แต่มันจะเป็นการทำร้ายเส้นผมอย่างไม่รู้ตัวนะค่ะ เพราะเส้นผมที่ถูกการย้อม ดัด กัด โกรก เป่า อบ ยืด นั่นหมายถึงเส้นผมของเราจะมีโอกาศผมแห้ง แตกปลาย ขาดน้ำหนัก หรือลุกลามถึงขั้นเสียได้ง่ายๆทีเดียว
โดยเฉพาะสาวที่มีสุขภาพผมแห้งและแตกปลายต้องรีบบำรุงอย่างเร่งด่วน ไม่อย่างนั้นคุณจะกลายเป็นสาวที่มองด้านซ้ายก็เจอผมแห้ง มองด้านขวามก็เจอผมแตกปลาย และจะสูญเสียความมั่นใจไปในที่สุด อย่าปล่อยให้เป็นเรื้อรังขนาดนั้นเพราะมาทางแก้เราไปสืบหามาเรียบร้อยแล้วค่ะ มาเริ่มต้นบำรุงเส้นผมไปพร้อมๆกันนะค่ะ
สูตรที่ 1
ให้นำกล้วยน้ำว้า 1 ลูก ควรเลือกลูกที่ไม่สุกมากนักมาปั่นผสมกับน้ำมัน อัลมอลด์ 1 ช้อนชา จากนั้นใช้น้ำอุ่นราดลงบนเรือนผมให้เปียกหมาดๆ แล้วนำส่วนผสมที่ได้มาชโลมทั่งทั้งศีรษะและหมักทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที จึงล้างออกด้วนน้ำสะอาด ขอแนะนำให้ทำเป็นประจำนะคะ เพราะนอกจากเส้นผมจะกลับมาพลิ้วสลวยเหมือนเดิมแล้วยังช่วยให้เส้นผมดูมีน้ำหนักขึ้นด้วยค่ะ
สูตรที่ 2
นำ ตะไคร้ 2-3 ต้น มาตำให้ละเอียดและคั้นเอาแต่น้ำ นำมาหมักผมไว้หลังจากที่สระผมเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทิ้งไว้สัก 10 นาที หมั่นทำเป็นประจำหลังสระผมก็จะช่วยคืนสุขภาพดีๆให้กับผมเราได้ค่ะ
สูตรที่ 3 ให้ใช้ไข่ไก่แต่เลือกเฉพาะที่เป็นไข่แดง 1 ฟอง นำมาตีให้เข้ากับน้ำมันมะกอกสัก 3 ช้อนโต๊ะ เสร็จแล้วนำมานวดที่เส้นผมให้ทั่วและทิ้งไว้ประมาณครึ่งชั่วโมง และสระผมตามปกติ ผมแห้งแตกปลายก็จะค่อยๆมีสุขภาพดีขึ้นแถมไม่เป็นรังแคด้วยค่ะ
สูตรที่ 4
นำวุ้นจากว่านหางจระเข้ผสมกับไข่แดง ตามด้วยน้ำมันมะกอกและนำมาปั่นให้เข้ากัน จากนั้นนำมาหมักผมโดยทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที จึงล้างออก แนะนำให้ทำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เส้นผมที่แตกปลายก็จะกลับมาแข็งแรงและนุ่มสลวยขึ้นค่ะ
แต่อย่าลืมนะค่ะว่าสูตรบำรุงเส้นผมที่นำมาฝากกันนั้นมีส่วนประกอบของสมุนไพรทั้งหมดเพราะฉะนั้นต้องอาศัยระยะเวลาถึงจะเห็นผลชัดเจน ที่สำคัญต้องไม่ใจร้อนปันใจไปบำรุงด้วยครีมชนิดอื่น ๆ เสียก่อนนะค่ะเดี๋ยวผลที่ตามมาจะไม่ประทับใจ
2**เปิดอ่านแต่เรื่องที่ตนเองสนใจ แสดงว่าเป็นคนที่มีความเป็นเด็กอยู่ในตัวสูง มักเอาแต่ใจตัวเอง นึกคิดอะไรก็ทำไปอย่างนั้น ไม่ค่อยนึกถึงจิตใจผู้อื่นเท่าใดนัก
3**ชอบอ่านทุกหน้าและทุกเรื่อง จะเป็นคนใจกว้าง ยอมรับความคิดหรือสิ่งใหม่ ๆ ได้ง่ายไม่ว่าจะเป็นความคิดของใครก็ตาม เป็นคนที่ให้โอกาสคนอื่นสูง
4**ชอบออกเสียงเวลาอ่านหนังสือ แสดงให้เห็นถึงการมีใจคอเปิดเผยจริงใจและซื่อสัตย์ต่อทุกคนที่คบด้วยและเป็น คนไว้ใจได้ไม่ค่อยมีพิษมีภัยกับใคร เป็น คนรักสงบ มีชีวิตเรียบง่าย สมถะ รักธรรมชาติ
5**ชอบขีดเส้นข้อความสำคัญเวลาอ่านหนังสือ อุปนิสัยเป็นคนช่างจดจำและค่อนข้างยึดมั่นในตัวเอง สิ่งไหนที่เป็นของตนเองก็ไม่อยากให้ใครมาแย่งไป
6**ชอบพับขอบหนังสือ เวลาอ่านหนังสือค้างไว้มักจะใช้วิธีพับขอบแทนการใช้ที่คั่นหนังสือ แสดงว่าเป็นคนไม่ค่อยเรียบร้อยนัก แต่เมื่อได้ลงมือทำอะไรก็มักจะทำอย่างจริงจัง หมกมุ่นจนทำสำเร็จ ไม่ค่อยใส่ใจคนรอบข้างนัก
ทายจัยจากการอ่านหนังสือ!!
สิ่งที่จะทำให้รู้นิสัยของคนเรานั้นมีหลายสิ่งหลายอย่างและ กริยาท่าทางหรือความสนใจในบางสิ่งก็เป็นสิ่งหนึ่งที่สามารถบ่งบอกนิสัยของคนเราได้เช่นกัน อย่างการอ่านหนังสือก็สามารถบ่งบอกได้เช่นกันนะ ลองมาดูกันนะคะว่าจะตรงกับนิสัยของคุณหรือเปล่า
1**สมมุติว่าเราหยิบหนังสือมาหนึ่งเล่ม หากเราเปิดอ่านแค่คร่าว ๆ โดยไม่ได้ใส่ใจที่จะอ่านรายละเอียดมากนัก แสดงว่าเป็นคนใจร้อน วู่วาม เวลาจะทำงานอะไรก็ จะไม่ค่อยละเอียดถี่ถ้วนนัก
จะให้ความสนใจแต่เรื่องหลัก ๆ ไม่มีการวางแผนล่วงหน้า นึกอยากจะทำอะไรก็จะลงมือเลยแบบตามใจตัวเองโดยไม่คิดให้รอบคอบเสียก่อน จึงมักจะมีเรื่องให้ผิดหวังอยู่เสมอ
2**เปิดอ่านแต่เรื่องที่ตนเองสนใจ แสดงว่าเป็นคนที่มีความเป็นเด็กอยู่ในตัวสูง มักเอาแต่ใจตัวเอง นึกคิดอะไรก็ทำไปอย่างนั้น ไม่ค่อยนึกถึงจิตใจผู้อื่นเท่าใดนัก
แต่เป็นคนจิตใจดี ใจกว้าง ชอบ ช่วยเหลือผู้อื่น แต่ด้วยความที่เป็นคนไม่ค่อยมีมนุษยสัมพันธ์เลยทำให้ไม่ค่อยมีคนกล้าเข้าใกล้หรือกล้าเข้ามาทำความรู้จักด้วย
3**ชอบอ่านทุกหน้าและทุกเรื่อง จะเป็นคนใจกว้าง ยอมรับความคิดหรือสิ่งใหม่ ๆ ได้ง่ายไม่ว่าจะเป็นความคิดของใครก็ตาม เป็นคนที่ให้โอกาสคนอื่นสูง
ความสนใจใคร่รู้ในสิ่งต่าง ๆ และทันเหตุการณ์และหากสนใจในเรื่องใด ก็มักจะทุ่มเทให้กับเรื่องนั้นเพื่อให้รู้จริง มีความคิดกว้างไกลมากและมักจะได้รับการยอมรับจากคนรอบข้าง
4**ชอบออกเสียงเวลาอ่านหนังสือ แสดงให้เห็นถึงการมีใจคอเปิดเผยจริงใจและซื่อสัตย์ต่อทุกคนที่คบด้วยและเป็น คนไว้ใจได้ไม่ค่อยมีพิษมีภัยกับใคร เป็น คนรักสงบ มีชีวิตเรียบง่าย สมถะ รักธรรมชาติ
ถึงแม้จะไม่ใช่คนมีภูมิความรู้อะไรมากนักแต่ก็มีความน่านับถืออยู่ในตัว มีโลกส่วนตัวและมีโลกในอุดมคติของตัวเอง
5**ชอบขีดเส้นข้อความสำคัญเวลาอ่านหนังสือ อุปนิสัยเป็นคนช่างจดจำและค่อนข้างยึดมั่นในตัวเอง สิ่งไหนที่เป็นของตนเองก็ไม่อยากให้ใครมาแย่งไป
แต่ก็เป็นคนทำงานเก่งและทำได้ดี เพราะเวลาทำงานมักจะทำอย่างจริงจัง และไม่ชอบเสียเวลากับเรื่องไร้สาระ
6**ชอบพับขอบหนังสือ เวลาอ่านหนังสือค้างไว้มักจะใช้วิธีพับขอบแทนการใช้ที่คั่นหนังสือ แสดงว่าเป็นคนไม่ค่อยเรียบร้อยนัก แต่เมื่อได้ลงมือทำอะไรก็มักจะทำอย่างจริงจัง หมกมุ่นจนทำสำเร็จ ไม่ค่อยใส่ใจคนรอบข้างนัก
ดูเหมือนเป็นคนเห็นแก่ตัวแต่ที่จริงเค้าไม่เก่งเรื่องโฆษณาประชาสัมพันธ์ตัวเองซะมากกว่า ยิ่งเวลามีคนมาขอความช่วยเหลือเค้าก็จะพร้อมจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ จะลองสังเกตการอ่านหนังสือของคนใกล้ตัวดูก็ได้นะค่ะ จะได้รู้นิสัยเค้าด้วย