หน้าเว็บ

Tech&Tip

เคยท่องไปตามบลอคของคนอื่นแล้วเห็นนาฬิกาน่ารัก ๆ อยู่ข้าง ๆ บลอคมั้ยคะ?Exteen ก็สามารถทำได้ค่ะ วิธีการทำดังต่อไปนี้ค่ะ
1. หาโค้ดนาฬิกาก่อน หาได้จากที่ไหน? ที่ ๆ เราไปหาบ่อยก็คือใน Bloggang ค่ะ แล้วเลือกที่หมวด การตกแต่งบลอค จะมี blogger ใจดี แจกโค้ดนาฬิกาเยอะแยะเลยค่ะ ตัวอย่างโค้ดนาฬิกาที่เลือกมาดังข้างล่างค่ะ
<iframe src="http://www.animekaos.fr/naruto-clock.htm" width="69" height="67" scrolling="no" frameborder="no" allowtransparency="true" border="0" framespacing="0"></iframe>
เมื่อเลือกได้แล้ว ให้ Copy โค้ดทั้งหมดไว้ก่อนค่ะ
2. กลับมาที่ Exteen ค่ะ เข้าไปที่ Preferences --> Links ตรง Add New Link ให้นำโค้ดที่ Copy ไว้มาใส่ใน Description: ค่ะ ดังรูป
Add New Link
ส่วนตรง URL: จะเว้นว่างไว้ก็ได้ค่ะ แต่ถ้าเว้นว่างไว้ เวลาไปกดที่นาฬิกาในหน้าบล็อคของเรา มันจะไปยังหน้า Page not found น่ะค่ะ เราก็เลยใส่ใน URL: ให้ลิงค์มายังหน้าเดิมโดยใส่ดังนี้ค่ะ jennessa.exteen.com/# เพื่อน ๆ ก็ใส่ชื่อ username ของตัวเองแทนคำว่า jennessa นะคะ เสร็จแล้วกดปุ่ม ADD ได้เลยค่ะ
3. กดปุ่ม View your blog ได้เลยค่ะ ^ ^" นาฬิกาน่ารัก ๆ จะอยู่ข้าง ๆ บล็อคตรง Links ค่ะ ดูตัวอย่างนาฬิกาจากโค้ดนี้ได้ทางซ้ายมือเลยค่ะ(^ ^)V
** อย่าลืมเลือกให้แสดง Link ในบล็อคก่อนนะคะ ที่ Theme --> Select Components แล้วติ๊กถูกที่ Links แล้วกด ok






ใครกำลังประสบปัญหาเนื้อที่การเขียนเอ็นทรีในบล็อกน้อยไปหรือเปล่า
วันนี้จะมานำเสนอวิธีขยายความกว้างพื้นที่แสดงข้อความในเอ็นทรีกัน
เป้นวิธีปรับแต่งความกว้าง สำหรับธีมเวอร์ชั่นใหม่ของเอ็กทีนโดยเฉพาะเลย

ในตัวอย่างจะขยายความกว้างขึ้นอีก 100px (pixels) เพราะง่ายต่อความเข้าใจครับ
ให้ไปที่ Tab ชื่อ Theme
> คลิกที่ปุ่ม Edit ของธีมที่ต้องการ
> หน้าจอ CSS Editor จะโผล่ขึ้นมา
>
ให้แก้ไขข้อมูลของธีมที่ถูกเลือกในจุดต่าง ๆ ตามนี้

#page
#header, #neck, #belly, #leg, #footer
ให้แก้ไขค่า width จาก 780px เป็น 880px

#coverimage
#neck .module
#leg .module
ให้แก้ไขค่า width จาก 730px เป็น 830px

#content
ให้แก้ไขค่า width จาก 490px เป็น 590px
เสร็จแล้วในส่วนของการกำหนดค่าตัวเลข แต่ยังไม่เสร็จทั้งหมดครับ
เพราะถ้าสังเกตในธีม จะเห็นว่ามีไฟล์รูปในส่วนที่เป็นขอบของบล็อก
ซึ่งจะเกิดจากไฟล์รูป 3 ไฟล์ประกอบกัน คือ header footer และ belly
ให้รูปมีขนาดความกว้างสูงสุดตามที่เรากำหนดไว้ ซึ่งในที่นี้ก็คือขนาด 880px

#header ให้กำหนดค่าของ background โดยระบุตำแหน่งรูปใหม่ที่ปรับขนาดแล้ว
url(เลือกไฟล์ header ที่แก้ไขความกว้างแล้ว) top left no-repeat;

#neck
#leg
ให้กำหนดค่าของ background โดยระบุตำแหน่งรูปใหม่ที่ปรับขนาดแล้ว
url(เลือกตำแหน่งไฟล์ belly ที่แก้ไขความกว้างแล้ว) top left;

#belly
ให้กำหนดค่าของ background โดยระบุตำแหน่งรูปใหม่ที่ปรับขนาดแล้ว
url(เลือกตำแหน่งไฟล์ belly ที่แก้ไขความกว้างแล้ว) repeat-y;

#footerให้กำหนดค่าของ background โดยระบุตำแหน่งรูปใหม่ที่ปรับขนาดแล้ว
url(เลือกตำแหน่งไฟล์ footer ที่แก้ไขความกว้างแล้ว) bottom left no-repeat;
ซึ่งจะต้องนำรูปที่แก้ไขแล้วมาอัพโหลดเก็บไว้ในพื้นที่ในบล็อก
แล้วจึงนำเอา url ของแต่ละภาพไปใส่ในตำแหน่งที่กำหนดไว้

และข่าวดีก็คือ ผมทำรูปพวกนั้นมาให้โหลดกันแล้ว ก๊อปเอาไปใช้กันได้เลย

  • header.png ขนาดความกว้าง 880 pixels [ PNG | GIF ]

  • belly.png ขนาดความกว้าง 880 pixels [ PNG | GIF ]

  • footer.png ขนาดความกว้าง 880 pixels [ PNG | GIF ]
หมายเหตุ: ไฟล์ PNG จะมีการสร้างเงาใต้กรอบรูป ส่วนไฟล์ GIF จะไม่มีเงาครับ
คำเตือน: การใช้ไฟล์ PNG ในบล็อก อาจส่งผลข้างเคียงอย่างรุนแรงกับผู้ที่ใช้ IE ได้ อ่านที่นี่ »
หรือถ้าคุณคิดว่าขนาด 880 นั่นยังกว้างไม่พอสำหรับบล็อกคุณ เอาไปเลย 980 pixels

  • header.png ขนาดความกว้าง 980 pixels [ PNG | GIF ]

  • belly.png ขนาดความกว้าง 980 pixels [ PNG | GIF ]

  • footer.png ขนาดความกว้าง 980 pixels [ PNG | GIF ]
ถ้าเป็นเตียงก็คงเป็นขนาดคิงไซส์กันเลยทีเดียว นอนสบายไม่ตกเตียงขาหัก
ซึ่งน่าจะพอเพียงสำหรับการทำ sidebar แบบสองฝั่งคลองได้ครับ

เสร็จแล้วล่ะ แค่นี้บล็อกของคุณก็จะกว้างขึ้นทันตาเห็น สามารถอัพเอ็นทรีกันได้กว้างจุใจ





เทคนิคการทำ SEO website

     

      การ ทำ SEO หรือ Search Engine Optimizer นั้นเป็นการทำให้โครงสร้างข้อมูลภายในเว็บของเราที่บรรจุอยู่ใน HTML ของเรา และพวก URL ของเรานั้น มีความหมายและทำให้ Crawler (ซึ่งต่อไปจะขอเรียกเป็น Search Engine เพื่อให้เข้าใจตรงกัน) นั้นสามารถเข้ามาเก็บข้อมูลในเนื้อหาของเราได้ง่าย และตรงกับความต้องการให้ได้มากทีสุด

      ซึ่งโดยปกติแล้วจะแนะนำให้ใช้ XHTML ร่วมกับ CSS โดยที่ XHTML นั้นเป็นส่วนที่ใช้สำหรับใส่ข้อมูลและมี Tag พวก XHTML ต่าง ๆ เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเนื้อหาให้น้อยที่สุด โดยมีแต่ส่วนที่กำหนดพื้นที่สำหรับแสดงผลต่าง ๆ เป็นชื่อที่สื่อความหมาย โดยใช้พวก <div> และ <span> แล้วกำหนดพื้นที่ของ Layout ด้วยชื่อที่กำหนดใน id หรือ class และโยนหน้าที่การกำหนด Layout ต่าง ๆ ไปที่ CSS ทั้งหมด เพื่อลดขนาดของไฟล์ HTML ที่ตัว Search Engine จะดึงไปเพื่อทำการ Parse ข้อมูลออกมา ทำให้ Search Engine ใช้เวลาประมวลผลต่าง ๆ ลดลงได้มากด้วย แถมลด B/W ลงไปได้เยอะมาก ๆ ในกรณีที่เว็บของเรานั้นมี Priority ในการเข้ามา index ข้อมูลของ Search Engine สูง ๆ
เทคนิดง่าย ๆ แต่ได้ผลนั้นผมสรุปจาก Best and Worst practices for designing a high traffic website อีกทีครับ
  1. ใส่ Keywords หลัก ๆ ลงบน Title เพราะเป็นพื้นที่ที่ระบบ Search Engine ใช้ในการเข้ามา index ข้อมูลอันดับแรก ๆ
  2. ใช้ tag Heading (พวก <h*></h*> ต่าง  ๆ) ให้เป็นประโยชน์เพื่อให้ Search Engine นั้นเข้าถึงข้อมูลสำคัญ ๆ ในส่วนนี้ก่อนเสมอ เพราะ Search Engine จะมองว่า Heading เป็นเหมือนหัวหลักของเนื้อหาเพื่อนำไปใช้สรุปเนื้อหาตอนค้นหาต่อไป
  3. ใช้ alt, title, id, class และพวก caption ต่าง ๆ ที่ใช้อธิบายข้อมูลนั้น ๆ เพราะ Search Engine ไม่เข้าในว่ารูปภาพ หรือข้อมูลพวก Binary ต่าง ๆ ว่ามันคืออะไร
    เช่น <img src=”dog.jpg” alt=”Dog jumping into the air” />
  4. ใช้ META Tag ถึงแม้ว่า META Tag จะเป็นเทคนิคเก่า ๆ นับตั้งแต่มี WWW แต่ก็เป็นการดีที่เราควรจะมีไว้ เพราะ Search Engine ยังคงใช้ข้อมูลนี้เพื่อการจัดอับดับข้อมูลของเรา ในกรณีที่ข้อมูลในหน้านั้น ๆ มีมากเกินไป
  5. ใช้ Sitemap โดยการสร้าง Sitemap นั้นมีเครืองมือให้ใช้อยู่มากมาย และยิ่งใช้พวก CMS/Blogware ต่าง ๆ พวก Drupal, Wordpress, XOOP, Joomla/Mambo, PHP-nuke ฯลฯ ก็มี module/component/plug-in เข้ามาช่วยสร้าง Sitemap ให้แทบทั้งนั้น โดยประโยชน์ของ Sitemap นั้นช่วยให้ตัว Search Engine นั้นไม่ต้องวิ่งไต่ไปตามลิงส์ต่าง ๆ ของเว็บของเราเพื่อเข้าถึงข้อมูลทั้งหมด และยิ่งเว็บมีขนาดใหญ่และซับซ้อนมาก ๆ ยิ่งทำให้หน้าที่อยู่ในส่วนของรากลึก ๆ ต้นไม้ที่เป็นลำดับของลิงส์นั้นเข้าถึงยาก การมี Sitemap จึงช่วยในการบ่งบอกกับ Search Engine ได้ว่าเว็บของเรามีหลายอะไรอยู่บ้าง เพื่อให้ตัว Search Engine เข้ามา Index ข้อมูลได้รวดเร็วและสะดวกขึ้น
  6. ทำ URL Friendly หรือ Rewrite URL การทำ URL Friendly นั้นช่วยให้ Search Engine เข้าใจ URL ของเราและทำให้การเก็บ URL และแสดงผล URL เพื่อลิงส์กลับมาหน้าต่าง ๆ ของเว็บเรานั้นทำได้ง่ายมากขึ้น